สถาบันเด็กฯ ม.มหิดล เปิดสอน Child Innovator
นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
หลักสูตรปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.)
June 16, 2020
ผศ.ดร.วสุนันท์ ชุ่มเชื้อ
ประธานหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
เรื่อง/ภาพถ่าย: ธาม เชื้อสถาปนศิริ
เรียบเรียง: ธีรารัตน์ สองเมือง
ศิลปกรรม: เพลินพิศ แสงเหลา
“หลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก มุ่งเน้นการบูรณาการความรู้ในศาสตร์ด้านการสร้างนวัตกรรม การออกแบบความคิด วิทยาศาสตร์ พัฒนาการมนุษย์ วิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ นิเวศวิทยา เพื่อให้มหาบัณฑิตสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมในพัฒนาและคุ้มครองเด็ก” |
วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ดีๆ จากประธานหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล มาฝากกันค่ะ
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับท่านที่สนใจและกำลังตัดสินใจเพื่อศึกษาต่อในระดับ “ปริญญาโท”
หลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
Q: อะไรคือแนวคิดหลักของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
A: แนวคิดของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กเริ่มจากสถาบันฯ ต้องการออกแบบหลักสูตรโดยเนื้อหาของหลักสูตรมุ่งเน้นการบูรณาการความรู้ในศาสตร์ด้านการสร้างนวัตกรรม การออกแบบความคิด วิทยาศาสตร์ พัฒนาการมนุษย์ วิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ นิเวศวิทยา เพื่อให้มหาบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาสามารถนำความรู้เชิงบูรณาการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก ให้เด็กเติบโตเป็นพลเมืองโลกที่มีศักยภาพและตอบสนองความต้องการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตที่ต้องการบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูงเพื่อรองรับ Disruptive Technology และความปกติใหม่ (New Normal) ภายใต้บริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด
Q: รูปแบบของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กเป็นอย่างไร
A: รูปแบบของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก ประกอบด้วย 2 รูปแบบ ดังนี้ คือ (1) หลักสูตรปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) ซึ่งเปิดสอนทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ และ (2) หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซึ่งหลักสูตรทั้ง 2 รูปแบบนี้สถาบันฯ ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนร่วมกับนักศึกษาปริญญาโทได้ โดยลงทะเบียนเรียนเฉพาะในรายวิชาที่ตนเองสนใจเท่านั้น ทั้งนี้หน่วยกิตที่ท่านลงทะเบียนเรียนสามารถเก็บเป็นหน่วยกิตสะสมได้อีกด้วย ดังนั้นรูปแบบของหลักสูตรนี้จึงเหมาะสมสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและผู้สนใจทั่วไป
Q: ผู้ที่จะเข้าศึกษาในหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กจะต้องจบสาขาไหนเป็นพิเศษหรือไม่ อย่างไร
A: อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น หลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กเป็นหลักสูตรที่สถาบันฯ ตั้งใจเปิดสอนทั้งในระดับมหาบัณฑิตและผู้สนใจทั่วไป เพื่อมุ่งผลิตมหาบัณฑิตและผู้เรียนให้มีความรู้ในเรื่องของการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นพลเมืองโลกที่มีศักยภาพและกลายเป็นทุนสำหรับอนาคตต่อไป ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงเปิดกว้างสำหรับทุกคนไม่ว่าผู้เรียนจะจบการศึกษาจากสาขาวิชาชีพใด หลักสูตรใด คณะใด คุณก็สามารถลงเรียนหลักสูตรนี้ได้
Q: กลุ่มผู้เรียนหลักคือใคร และใครคือกลุ่มผู้เรียนที่หลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กต้องการ
A: กลุ่มผู้เรียนหลักของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กคือ นักศึกษาระดับปริญญาโท แต่ทว่าหลักสูตรนี้ยังสนใจและต้องการผู้เรียนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็คือ กลุ่มผู้ที่ทำงานด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กหรือกลุ่มคนที่มีใจรักและมุ่งมั่นในการที่จะพัฒนาและคุ้มครองเด็ก เพื่อให้เด็กเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพและเป็นกำลังที่สำคัญของชาติต่อไป สถาบันฯจึงไม่แบ่งแยกกลุ่มผู้เรียนเพราะถือว่าผู้ที่ลงเรียนในหลักสูตรนี้ คือ นักศึกษาของหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตในสาขานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้เรียน 2 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น
Q: ผลที่คาดหวังของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก คืออะไร
A: ผลที่คาดหวังของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กคือต้องการผลิตมหาบัณฑิตผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้ให้สามารถเข้าใจและรับรู้ว่าเด็กทุกคนมีสิทธิที่ควรจะได้รับการพัฒนาและคุ้มครองไปพร้อมๆ กัน ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นพัฒนาเด็กแต่เพียงด้านเดียว ในขณะที่ยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการการปกป้องและคุ้มครอง โดยสถาบันฯ คาดหวังให้มหาบัณฑิตใช้ความรู้ที่ได้จากการเรียนการฝึกปฏิบัติไปประยุกต์หรือคิดค้นนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก และสามารถสร้างให้เด็กที่เติบโตมาในสภาพการเลี้ยงดูของครอบครัวที่แตกต่างกันสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้
Q: ผู้ที่ลงเรียนหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กเมื่อจบไปแล้วสามารถประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง
A: มหาบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้สามารถนำเอาองค์ความรู้ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ที่ได้จากการเรียนหรือการปฏิบัติไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในสายอาชีพหรือสร้างธุรกิจของตนเองได้อย่างหลากหลาย อาทิเช่น นักปฏิบัติการการเล่น ที่ปรึกษาด้านการปกป้องและคุ้มครองเด็ก ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาเด็ก ผู้ประกอบการ ผู้บริหารกิจการด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก นักออกแบบ นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กผู้ประกอบการศูนย์บ่มเพาะในการที่จะพัฒนาหรือส่งต่อเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กให้กับผู้ที่สนใจ รวมทั้งยังสามารถนำเอาองค์ความรู้นี้ไปเป็นหลักหรือแนวทางในการสร้างมาตราฐานด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กสำหรับวางนโยบายกลยุทธ์ด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กของประเทศ เป็นต้น
Q: ลักษณะการเรียนการสอนของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กเป็นอย่างไร
A: ลักษณะการเรียนการสอนของหลักสูตรนี้เน้นการผสมผสานทั้งการเรียนในรูปแบบออนไลน์และในห้องเรียน ทั้งนี้หลักสูตรยังจัดให้นักศึกษาได้มีโอกาสออกไปฝึกปฏิบัติ ดูงาน หรือทำวิจัยยังมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมไปถึงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งนักศึกษาจะได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์จริงจากกลุ่มคนที่ทำงานด้านการพัฒนา ปกป้องและคุ้มครองเด็ก ดังนั้นพื้นที่ของการศึกษา เรียนรู้ และวิจัยจึงไม่ใช่แค่ห้องแลปทางวิทยาศาสตร์ แต่คือห้องแลปแห่งชีวิตจริง นักศึกษาจะได้เปิดโลกทัศน์ใหม่เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
Q: สัดส่วนและค่าน้ำหนักในแต่ละรายวิชาเป็นอย่างไร
A: หลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก แบ่งเป็น 2 แผน ดังนี้ (1) แผน ก แบบ ก2 ประกอบด้วย หมวดวิชาบังคับ 18 หน่วยกิต หมวดวิชาเลือก ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต และ วิทยานิพนธ์ 12 หน่วยกิต ในขณะที่ (2) แผน ข ประกอบด้วย หมวดวิชาบังคับ 18 หน่วยกิต หมวดวิชาเลือก ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และ สารนิพนธ์ 6 หน่วยกิต ทุกรายวิชาที่สังกัดอยู่ภายใต้หลักสูตรนี้มีความน่าสนใจทุกรายวิชา ส่วนที่เป็นหมวดวิชาบังคับนักศึกษาจะได้เรียนความรู้พื้นฐานเรื่องของระบบประสาทและพัฒนาการ รวมไปถึงความรู้พื้นฐานในเรื่องของพันธุกรรม พฤติกรรม และสังคม เป็นต้น ส่วนหมวดวิชาเลือกนักศึกษาจะได้เรียนเกี่ยวกับรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับสื่อ วิชานักออกแบบการเล่น นักออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือวิชาที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม และการเป็นผู้ประกอบการ เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนที่นักศึกษาจะสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้ หลักสูตรได้กำหนดให้นักศึกษาทำโครงงาน 1 ชิ้น โดยให้นักศึกษานำความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งหมดทั้งในหมวดวิชาบังคับและหมวดวิชาเลือกมาผสมผสานให้เกิดเป็นชิ้นงานด้านนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
Q: จุดเด่นของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก คืออะไร
A: จุดเด่นของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก คือ หลักสูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับปริญญาโทและผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนร่วมกันได้ โดยหลักสูตรไม่จำกัดคุณวุฒิหรือคุณสมบัติของผู้เรียนร่วม ขอเพียงผู้เรียนทุกคนมีความสนใจหรือมุ่งมั่นที่จะเรียนในด้านของการพัฒนา ปกป้องและคุ้มครองเด็ก และมีความกล้าที่จะคิดค้นนวัตกรรมที่ท้าทายและแปลกใหม่ ซึ่งหลักสูตรเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็น นวัตกรด้านการพัฒนาและคุ้มครองเด็กได้ แต่บางอย่างต้องได้รับการขัดเกลา บางอย่างมีช่วงของจังหวะและเวลา เข้ามาเกี่ยวข้อง และหลักสูตรจะสร้างให้ผู้เรียนเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ผู้เรียนจะได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์และสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในสายอาชีพของตนเองได้อย่างเกิดประโยชน์อย่างสูงที่สุด
Q: ความท้าทายของหลักสูตรนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก คืออะไร
A: ความท้าทายของหลักสูตรนี้ประกอบด้วย (1) ความกล้าหาญ ผู้เรียนต้องมีความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปให้ได้ และ (2) ผู้เรียนจะต้องมีความสุขกับการแก้ไขปัญญหา หลักสูตรไม่ได้บอกว่าเมื่อผู้เรียนลงเรียนหลักสูตรนี้แล้ว ผู้เรียนจะไม่พบเจอกับปัญหา เพราะหลักสูตรนี้ถูกออกแบบมาให้ผู้เรียนสามารถมีความสุขกับการแก้ปัญหา เพราะปัญหาเปรียบเสมือนหนทางให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการในการแก้ไขและผ่านไปให้ได้ ทั้งนี้หลักสูตรยังสอนให้ผู้เรียนรู้จักกับความยืดหยุ่นทางปัญญาและสอนให้ผู้เรียนยอมรับข้อจำกัดของตนเอง ในขณะเดียวกันก็สอนให้ยอมรับความสามารถของผู้อื่นอีกด้วย